เมื่อเกิดเหตุการณ์แฟนนอกใจ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายถูกทำร้ายหรือฝ่ายที่ทำผิดเอง ต่างก็เต็มไปด้วยอารมณ์ลบที่หนักอึ้ง ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ แต่การรีบคุยทันทีตอนที่ใจยังเดือดดาลอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม และต่างฝ่ายอาจปลดปล่อยคำพูดรุนแรงที่ทำลายความสัมพันธ์แบบที่แก้ยาก

บทความนี้จะแนะนำวิธีสื่อสารที่ปลอดภัย เพื่อช่วยประคองไม่ให้อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายปะทุ พร้อมแนวทางแก้ไข และการประเมินว่าควรเดินหน้าต่อ หรือยุติความสัมพันธ์นี้อย่างมีสติดี

ก่อนเริ่มคุย ทั้งสองฝ่ายต้องตั้งหลักให้ได้ก่อน

การคุยเรื่องนอกใจต้องเกิดขึ้นเมื่อทั้งคู่พร้อม ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพร้อม ส่วนอีกคนกำลังสติแตก
สิ่งสำคัญคือ “ไม่รีบคุยทันทีที่รับรู้เหตุการณ์” เพราะอารมณ์ต่าง ๆ จะพุ่งสูงเกินกว่าจะรับฟังกันได้

สิ่งที่ควรทำก่อนเริ่มคุย

  • ฝ่ายถูกแฟนนอกใจ ให้ตั้งสติ รับรู้ความรู้สึกตัวเองก่อนว่าจะคุยเพื่อ “ฟังความจริง” ไม่ใช่เพื่อด่าว่ากัน
  • ฝ่ายที่ทำผิด ยอมรับว่าคู่รักเจ็บปวดจากการกระทำของคุณ ควรให้พื้นที่เขาได้สงบอารมณ์ ไม่เร่งพูดคำอธิบาย

เมื่อทั้งสองฝ่ายตั้งหลักได้แบบนี้ การพูดคุยกันจะไม่กลายเป็นการระเบิดอารมณ์ใส่กัน จากนั้นจึงเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการพูดคุยกัน

6 ขั้นตอนการสื่อสารอย่างปลอดภัยเมื่อต้องคุยเรื่องแฟนนอกใจ

เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มตั้งหลักได้ระดับหนึ่งแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการสื่อสารอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้อารมณ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลุกลามจนควบคุมไม่ได้ บทสนทนาประเภทนี้ต้องการทั้งความอ่อนโยน ความตรงไปตรงมา และขอบเขตที่ชัดเจนพอสมควร เพื่อให้ทั้งคู่ได้พูด ได้ฟัง และมองหาทางออกที่ทำได้จริงร่วมกัน และต่อจากนี้จะเป็น “6 ขั้นตอนหลัก” ที่ช่วยให้บทสนทนาไม่พุ่งชนกันด้วยอารมณ์ แต่จะค่อย ๆ เผยความจริงทีละขั้นอย่างปลอดภัยที่สุด

1. สื่อสารด้วย ภาษาที่ไม่พุ่งโจมตี

เป้าหมายคือป้องกันไม่ให้อารมณ์ปะทุ ทั้งสองฝ่ายควรเลือกประโยคที่ช่วยให้บทสนทนาดำเนินต่อได้อย่างสงบที่สุด

ตัวอย่างภาษาที่ปลอดภัย

  • “ฉันอยากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ขอให้เราคุยกันแบบไม่ทำร้ายกันได้ไหม”
  • “ฉันพร้อมจะฟัง ถ้าคุณอธิบายด้วยความจริงใจ”
  • “เรามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะแก้ยังไง”

ควรเลี่ยงประโยคแบบนี้

  • “คุณทำลายฉัน”
  • “เพราะคุณไม่รักฉัน”
  • “เราคงไปกันไม่รอดแล้ว”

หากใช้คำพูดรุนแรงจะทำให้ความไว้วางใจที่เหลืออยู่พังทันที และการแก้ปัญหาแทบจะเป็นไปไม่ได้

2. ใช้วิธี ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อโต้กลับ

เมื่อคุยเรื่องแฟนนอกใจทั้งสองฝ่ายจะมีอารมณ์ของตัวเองอยู่แล้ว จึงต้องระวังการโต้กลับแบบทันทีเพียงเพราะรู้สึกถูกท้าทาย

วิธีฟังอย่างปลอดภัย

1. ตั้งใจฟังจนอีกฝ่ายพูดจบ

2. ทวนสิ่งที่เขาพูด เพื่อยืนยันว่าเข้าใจตรงกัน

3. ถ้าคำพูดบางส่วนกระตุ้นอารมณ์ ให้บอกตรง ๆ เช่น “ขอเวลาหายใจแป๊บหนึ่งนะ เราจะคุยกันต่อ แต่ตอนนี้รู้สึกยังรับไม่ไหว”

การฟังแบบนี้จะช่วยลดความรุนแรงของสถานการณ์ และทำให้การคุยไม่ลุกลามจนเป็นปัญหา

3. เปิดใจอธิบายความรู้สึกโดยไม่กล่าวโทษ

ฝ่ายถูกนอกใจควรเล่า “ความรู้สึกของตัวเอง” แทนการโฟกัสที่การโจมตี ส่วนฝ่ายที่ทำผิดควรรับฟังและไม่แก้ตัวด้วยการโทษสถานการณ์ หรือโทษคู่รัก

ตัวอย่างความรู้สึกที่อธิบายได้โดยไม่ทำร้ายอีกฝ่าย

  • “เหตุการณ์นี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นคงและเสียความไว้วางใจมาก”
  • “ฉันกำลังกลัวว่าจะเจ็บซ้ำ ถ้าจะเดินหน้าต่อ”

ฝ่ายทำผิดควรตอบแบบรับผิดชอบ

  • “ฉันรับรู้ว่าคุณเจ็บ และฉันพร้อมฟังทั้งหมดโดยไม่หลบเลี่ยง”
  • “ขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ ตอนนี้ฉันอยากแก้ไขมันอย่างจริงจัง”

โปรดจำไว้ว่าสิ่งสำคัญคือความจริงใจ ไม่ใช่คำพูดเพื่อลดทอนความผิดของตัวเอง

4. ถามหาความจริงเท่าที่จำเป็น โดยไม่ล้วงลึกเกินไป

ผู้ถูกกระทำมักอยากรู้รายละเอียดทุกอย่าง แต่บางคำตอบอาจทำร้ายจิตใจมากกว่าที่จะช่วยเยียวยา จึงควรถามเฉพาะสิ่งที่จำเป็นต่อการตัดสินใจเท่านั้น

ตัวอย่างคำถามที่เหมาะสม

1. ความสัมพันธ์กับคนนั้นจบลงแล้วใช่ไหม

2. เหตุผลที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นคืออะไร

3. ตอนนี้คุณตั้งใจจะแก้ไขหรือเปล่า

ควรหลีกเลี่ยงคำถามที่เจ็บปวดและไม่ช่วยอะไร เช่น ฝ่ายที่กระทำกลับถามว่า “แล้วเธอดีกว่าฉันตรงไหน” คำถามแบบนี้ทำให้บาดแผลลึกขึ้นและไม่ก่อประโยชน์ต่อการฟื้นความสัมพันธ์เลย

5. วางแผนแก้ปัญหาร่วมกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายยังอยากจับมือไปด้วยกันต่อ

หากทั้งคู่ยังอยากประคองความสัมพันธ์ต่อไป สิ่งที่ต้องทำคือวางแผนที่สามารถฟื้นความสัมพันธ์ได้จริง ๆ

อาจเริ่มจาก

1. นัดคุยกันสัปดาห์ละสองครั้ง เพื่อบอกกันตรง ๆ ว่าช่วงนี้รู้สึกยังไงต่อกันบ้าง

2. ทำข้อตกลงเพื่อสร้างความไว้ใจ เช่น การบอกก่อนว่าจะออกไปไหนกับใครในช่วงแรก

3. การลดพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การคุยลับหลัง ซ่อนหรือลบแชต หรือการใช้เวลาส่วนตัวกับคนที่เคยเป็นปัญหาด้วย

4. การเข้ารับการบำบัดคู่รักกับนักจิตวิทยา เพื่อให้มีคนกลางช่วยประคองอารมณ์ทั้งสองฝ่าย

การฟื้นฟูความไว้วางใจต้องใช้เวลา แต่ถ้าเลือกยืนอยู่คนละฝั่งของปัญหาโดยไม่ก้าวเข้าหากันเลย โอกาสจะยิ่งน้อยลงทันที

6. ประเมินด้วยสติว่า ควรไปต่อหรือพอแค่นี้

คำตอบนี้ไม่มีผิดหรือถูก แต่ต้องประเมินอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุด

ให้ลองทบทวนคำถามต่อไปนี้

1. คุณยังรู้สึกปลอดภัยในความสัมพันธ์นี้หรือไม่

2. การนอกใจเกิดจากความผิดพลาดครั้งเดียว หรือเป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ

3. คู่รักแสดงให้เห็นถึงความพยายามและความจริงใจในการแก้ไขหรือไม่

4. คุณเชื่อว่าความไว้วางใจสามารถค่อย ๆ กลับมาได้ไหม

5. หากต้องใช้เวลาเยียวยา คุณพร้อมไหม และเขาพร้อมเคียงข้างหรือเปล่า

ถ้าคำตอบของหลายข้อคือ “ไม่” การยุติความสัมพันธ์อาจเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อปกป้องจิตใจตนเอง แต่ถ้าคุณยังเห็นความพยายามและความปรารถนาดีของกันและกัน การเดินหน้าต่อย่อมเป็นสิ่งที่มีความหมายมากสำหรับทั้งคู่

บทสรุป

การคุยเรื่องแฟนนอกใจอาจเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่หนักที่สุดของชีวิตคู่ แต่หากสื่อสารอย่างระมัดระวัง ไม่กล่าวโทษ ไม่ใช้อารมณ์นำหน้า คุณจะไม่เพียงหลีกเลี่ยงการระเบิดทางอารมณ์ แต่ยังเปิดโอกาสให้ความจริงปรากฏ และช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าจะเดินไปอย่างไรต่อ ไม่ว่าจะเลือกฟื้นฟูความสัมพันธ์ หรือโอบกอดตัวเองและเลือกเดินออกมาแบบไม่บอบช้ำไปกว่าเดิม

หากคุณรู้สึกว่าการคุยกันเองยากเกินไป หรืออารมณ์พาให้หลุดโฟกัส การบำบัดคู่รัก (Couple Therapy) กับทางนักจิตวิทยาก็เป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพนึงในการพัฒนาและปรับปรุงความสัมพันธ์โดยมีนักจิตวิทยาเป็นคนกลาง

Happy Me Clinic พร้อมช่วยเป็นคนกลางเพื่อประคองการสื่อสาร และพาคุณหาทางออกที่เหมาะกับหัวใจของคุณจริง ๆ จองคิวปรึกษาได้ทุกเมื่อ เพราะสุขภาพใจที่ดีไม่ควรรอให้จิตใจบอบช้ำจนเกินเยียวยา