ความรักมักมาพร้อมทั้งความสุขและความเครียด โดยเฉพาะเมื่อความสัมพันธ์เริ่มเต็มไปด้วยความคาดหวัง การไม่เข้าใจกัน หรือการสื่อสารที่ผิดพลาด หลายคู่จึงรู้สึกเหนื่อยเพราะเกิดความเครียดสะสม แต่รู้หรือไม่ว่าหลายครั้งความรู้สึกเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากอีกฝ่ายเพียงอย่างเดียว เพราะอาจมาจากวิธีที่เราจัดการอารมณ์ของตัวเองด้วยเหมือนกัน ซึ่งหากปล่อยไว้นานเกินไป ความเครียดจากความสัมพันธ์อาจกลายเป็นปัญหาทางใจที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันได้

ทำไมความรักถึงทำให้เกิดความเครียดได้

แม้ความรักจะเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิต แต่ในอีกด้านหนึ่งก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมความเครียดได้เช่นกัน เพราะความสัมพันธ์คือการปรับตัวของคนสองคนที่มีพื้นฐานชีวิต ความคิด และอารมณ์ต่างกัน การคาดหวังเกินไป รวมถึงยังมีความไม่มั่นใจ หรือความกลัวที่จะสูญเสีย ที่ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเครียดทางใจทั้งสิ้น

1. ความคาดหวังที่สูงเกินไป

เมื่อคนหนึ่งต้องการมากกว่าอีกฝ่าย เช่น อยากให้ตอบกลับเร็ว ๆ อยากให้รับโทรศัพท์ทันที หรือต้องการให้อีกฝ่ายให้ความสำคัญตลอดเวลา ความคาดหวังเหล่านี้อาจกลายเป็นแรงกดดันต่อทั้งคู่

2. การสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน

บางคำพูดหรือท่าทีเพียงเล็กน้อยอาจถูกตีคลาดเคลื่อนจนทำให้เกิดอารมณ์โกรธ น้อยใจ หรือเสียใจได้

3. ความไม่มั่นคงทางอารมณ์

เมื่อเราขาดความเชื่อมั่นในตัวเองหรือในความสัมพันธ์ อารมณ์จะอ่อนไหวและตอบสนองต่อเรื่องเล็ก ๆ อย่างรุนแรง

ในมุมของนักจิตวิทยา ความเครียดจากความสัมพันธ์มักไม่ได้เกิดจากปัญหาใหญ่เพียงครั้งเดียว แต่เกิดจากเรื่องเล็ก ๆ ที่สะสมจนกลายเป็นแรงกดดันทางจิตใจ หากไม่จัดการตั้งแต่ต้นอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล หรือหมดพลังใจในการรักษาความสัมพันธ์

ความเครียดแบบไหนที่ไม่ปกติ ต้องรีบบำบัดความเครียด

ความเครียดจากความสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติที่ทุกคู่ต้องเจอ แต่หากความเครียดนั้นรบกวนชีวิตประจำวันมากเกินไป ควรเริ่มพิจารณาบำบัดความเครียดอย่างจริงจัง ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสัญญาณต่อไปนี้

1. นอนไม่หลับ คิดวนซ้ำ

หากสมองไม่หยุดคิดเรื่องคู่รัก ความขัดแย้ง หรือความกลัวการเลิกรา แม้ในเวลางานหรือตอนพักผ่อน นั่นคือสัญญาณว่าร่างกายเริ่มแบกรับความเครียดมากเกินไป

2. มีอารมณ์รุนแรงขึ้น

อารมณ์โกรธ หงุดหงิด หรือร้องไห้บ่อยแบบไม่มีเหตุผล มักเกิดจากการสะสมความตึงเครียดทางอารมณ์

3. รู้สึกหมดพลังและไม่อยากสื่อสาร

หากการพูดคุยกับคนรักกลายเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยแทนที่จะเข้าใจกัน นั่นแสดงว่าความสัมพันธ์กำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงแล้ว

4. เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า

ความเครียดระดับนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคนหนึ่งรู้สึกว่าต้องพยายามฝ่ายเดียว หรือถูกละเลยซ้ำ ๆ จนกระทบต่อความมั่นใจในตนเอง

เมื่อถึงจุดนี้ การบำบัดความเครียดไม่ใช่เพียงเพื่อทำให้หายเครียดเท่านั้น แต่คือการช่วยให้เราเข้าใจกลไกของอารมณ์และรูปแบบความสัมพันธ์ของตนเองมากขึ้น การปรึกษานักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดจึงสามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ และช่วยให้ทั้งคู่เรียนรู้ที่จะฟังกันอย่างเข้าใจมากขึ้นได้

วิธีบำบัดความเครียดที่เกิดจากปัญหาความสัมพันธ์

การบำบัดความเครียดในความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องทำร่วมกัน ทั้งคู่ต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ ปรับตัว และสื่อสารอย่างเปิดใจ เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยทางอารมณ์ให้กันและกัน โดยสามารถทำได้ดังนี้

1. สื่อสารอย่างตรงไปตรงมาแต่เคารพกัน

การพูดคุยกันด้วยความเข้าใจเป็นพื้นฐานสำคัญของความสัมพันธ์ หากมีความรู้สึกไม่พอใจ ควรใช้ถ้อยคำที่สะท้อนอารมณ์ของตนเอง เช่น “ฉันรู้สึกเสียใจเมื่อ…” แทนที่จะใช้คำตำหนิอย่าง “เธอไม่เคยใส่ใจฉันเลย”

2. เรียนรู้ที่จะฟังโดยไม่ตัดสิน

หลายครั้งความเครียดมาจากการที่เราต้องการให้คนรักเข้าใจ แต่เขากลับรีบตอบโต้แทนที่จะฟัง การฟังอย่างตั้งใจจึงช่วยลดแรงปะทะทางอารมณ์ และเปิดทางให้เกิดความเข้าใจแทนการโต้เถียง

3. ให้พื้นที่ส่วนตัวบ้างเมื่อจำเป็น

การอยู่ใกล้กันมากเกินไปโดยไม่เว้นระยะทางใจ อาจทำให้เกิดความอึดอัดและขาดความคิดถึง การให้พื้นที่ส่วนตัวแก่กันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ต่างฝ่ายได้พักอารมณ์และทบทวนตนเอง

4. ฝึกจัดการอารมณ์และใช้เทคนิคผ่อนคลาย

การฝึกหายใจลึก ๆ หรือทำสมาธิสั้น ๆ ทุกวัน สามารถช่วยให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลายลงได้ และการออกกำลังกายเบา ๆ หรือทำกิจกรรมที่ชอบก็ช่วยลดความเครียดสะสมจากความสัมพันธ์ได้เช่นกัน

5. ขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาเมื่อรู้สึกไปต่อไม่ไหว

หากพยายามปรับตัวกันแล้วแต่ยังรู้สึกเครียดหรือเจ็บปวด การบำบัดความเครียดโดยนักจิตวิทยาที่เชี่ยวชาญคือทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะนักจิตวิทยาจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจต้นเหตุของความเครียด และสร้างแนวทางในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ได้อย่างถูกวิธี

บทสรุป

ความเครียดจากความสัมพันธ์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ก็สามารถเยียวยาได้ หากทั้งสองคนเรียนรู้ที่จะสื่อสาร ฟัง และเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น การบำบัดความเครียดจะช่วยให้หัวใจได้พัก และเริ่มต้นเรียนรู้วิธีอยู่ร่วมกันอย่างมีสติ

หากคุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์เริ่มสร้างภาระทางอารมณ์ หรือไม่แน่ใจว่าจะรับมืออย่างไรต่อไป การปรึกษานักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์สามารถช่วยได้ ลองเปิดใจคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่ Happy Me Clinic เรามีทีมนักจิตวิทยาและนักจิตบำบัดที่เข้าใจทั้งด้านอารมณ์และพฤติกรรม พร้อมช่วยคุณและคนรักค้นหาวิธีบำบัดความเครียดอย่างเหมาะสม เพื่อมอบความรักที่ดีกลับคืนสู่หัวใจของทั้งคู่