Happy Me Clinic

โรคแพนิคคืออะไร? เจาะลึกอาการ และแนวทางรับมือที่ถูกต้อง

โรคแพนิคคืออะไร? เรียนรู้สาเหตุ สัญญาณเตือน ผลกระทบ และวิธีรับมือด้วยคำแนะนำของนักจิตวิทยา เพื่อดูแลสุขภาพใจได้อย่างสมดุล

ทำความเข้าใจการบำบัดด้วย Psychotherapy สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต

ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการบำบัดจิตใจ Psychotherapy ความแตกต่างจากการให้คำปรึกษาทั่วไป พร้อมวิธีเลือกนักจิตบำบัดหรือนักจิตวิทยาที่เหมาะสม

การบำบัด EMDR คืออะไร วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร

EMDR เป็นการบำบัดทางจิตวิทยาที่ช่วยลดผลกระทบจากประสบการณ์เลวร้าย ช่วยให้สมองประมวลผลความทรงจำด้านลบใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ ใครมีปัญหาแบบนี้ ห้ามพลาดข้อมูลนี้

โรคซึมเศร้าคืออะไร? เช็กอาการและวิธีรักษาที่ถูกต้อง

โรคซึมเศร้าไม่ใช่แค่อาการเศร้าชั่วคราว แต่เป็นภาวะทางอารมณ์ที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวัน ควรรู้ทันอาการผ่านการตรวจซึมเศร้าด้วยแบบทดสอบโรคซึมเศร้า เพื่อรักษาอย่างเหมาะสม

Mental Health | ทำไมสุขภาพจิตถึงสำคัญ ต่อชีวิตที่สมดุล

สุขภาพจิตที่ดีช่วยให้ชีวิตสมดุลและมีความสุข เรียนรู้ปัจจัยที่ส่งผลต่อจิตใจ พร้อมแนวทางดูแลตัวเองจากนักจิตบำบัดจากคลินิกสุขภาพจิต HAPPY ME CLINIC

นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด | สัญญาณเตือนของความเครียดเรื้อรัง

นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด อาจเป็นสัญญาณของความเครียดเรื้อรัง ค้นหาสาเหตุ อันตราย และวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง ข้อมูลดี ๆ จาก HAPPY ME CLINIC

โรควิตกกังวล อาการและวิธีรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

โรควิตกกังวล อาการและวิธีรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ความวิตกกังวลเป็นปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกกังวล หรือกลัวสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเจอในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม หากเกิดขึ้นบ่อยจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต อาจเข้าข่ายโรควิตกกังวล อาการนี้เป็นภาวะที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม โรควิตกกังวล อาการเป็นแบบไหน? โรควิตกกังวล อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ1. อาการทางจิตใจ⦁ รู้สึกกังวลเกินกว่าเหตุ หรือคิดวนซ้ำเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ⦁ หวาดกลัวหรือวิตกเกี่ยวกับอนาคตอยู่ตลอดเวลา⦁ สมาธิสั้นลง หงุดหงิดง่ายขึ้น 2. อาการทางร่างกาย ⦁ หัวใจเต้นเร็ว เหงื่อออกง่าย⦁ กล้ามเนื้อตึงเครียด หรือปวดเมื่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ⦁ นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ 3. อาการทางพฤติกรรม⦁ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เครียด⦁ ไม่กล้าตัดสินใจ หรือมีความลังเลมากกว่าปกติ⦁ พยายามควบคุมทุกอย่างรอบตัว เพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัย อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ หากปล่อยให้โรควิตกกังวล อาการรุนแรงขึ้น แม้ว่าโรควิตกกังวล อาการที่เกิดขึ้นจะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตในระยะยาวได้1. กระทบต่อสุขภาพร่างกาย อาการวิตกกังวลเรื้อรังอาจทำให้เกิดความเครียดสะสม ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง และเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง อย่างโรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ 2. กระทบต่อความสัมพันธ์ คนที่วิตกกังวลมากเกินไปอาจหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม หรือบังคับคนใกล้ตัวให้ทำตามที่ตนเองต้องการ จึงทำให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างอยู่เสมอ 3. กระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน อาการวิตกกังวลอาจทำให้สมาธิและความสามารถในการตัดสินใจลดลง จึงส่งผลต่อการทำงาน หรือหากยังศึกษาอยู่ก็จะทำให้เรียนไม่รู้เรื่องไปด้วย วิธีรักษาโรควิตกกังวล อาการที่รบกวนการใช้ชีวิต หากคุณรู้สึกว่าตนเองเข้าข่ายเป็นโรควิตกกังวล อาการที่เกิดขึ้นก็กำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรรีบดูแลสุขภาพจิตตนเอง โดยเริ่มต้นจากแนวทางเหล่านี้ที่ช่วยลดอาการวิตกกังวลได้ 1. ฝึกการหายใจและผ่อนคลาย การหายใจลึก ๆ และช้า ๆ สามารถช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้ ให้ลองใช้เทคนิคการหายใจ 4-7-8 โดยหมายถึง “หายใจเข้า-กลั้นหายใจ-หายใจออก” เป็นวินาทีต่อเนื่องกัน จะช่วยลดความวิตกกังวลในช่วงเวลาที่รู้สึกเครียดลงได้ 2. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายเป็นเหมือนยาวิเศษ ไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงเลย เป็นวิธีที่ดีในการลดความเครียดและช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งควรออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที อย่างการเดินเร็ว วิ่ง หรือโยคะ 3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนน้อยเกินไปสามารถทำให้โรควิตกกังวล อาการรุนแรงขึ้นได้ ทั้งอารมณ์แปรปรวน และกังวลมากขึ้นอย่างรุนแรง ดังนั้นควรจัดตารางเวลานอนอย่างมีวินัย และงดใช้โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 4. ฝึกสติและสมาธิ การทำสมาธิจะช่วยให้จิตใจอยู่กับปัจจุบันและลดความคิดฟุ้งซ่าน ลองเริ่มต้นจากการฝึกนั่งสมาธิวันละ 5-10 นาที และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาไปเรื่อย ๆ 5. ทำกิจกรรมที่รู้สึกดี การใช้เวลากับสิ่งที่ชอบจะสามารถช่วยลดความวิตกกังวล และทำให้รู้สึกดีขึ้น จิตใจจึงผ่อนคลายและมีความสุขมากขึ้น 6. หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์อาจกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลได้ในผู้ป่วยบางคน ลองลดปริมาณลงแล้วเลือกดื่มชาที่มีคาเฟอีนน้อยกว่าแทน 7. พูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ การแบ่งปันความรู้สึกกับเพื่อนสนิทหรือครอบครัว สามารถช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ เพราะบางครั้งแค่ได้ระบาย และได้รับกำลังใจจากคนใกล้ตัว ก็ช่วยลดความกังวลได้มาก 8. ปรึกษานักจิตวิทยา นักจิตบำบัด เพื่อหาแนวทางและดูแลจัดการอาการวิตกกังวล หากโรควิตกกังวล อาการรุนแรงมากจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การปรึกษานักจิตบำบัดสามารถช่วยให้เข้าใจต้นตอของปัญหา และเลือกวิธีจัดการกับความวิตกกังวลได้อย่างถูกต้องและตรงจุด ทำให้สามารถควบคุมและบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรควิตกกังวล อาการทางจิตที่พบได้บ่อย และส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันได้หากไม่รักษาอย่างถูกวิธี ซึ่งสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม หากคุณกำลังเผชิญกับอาการวิตกกังวลอย่าลืมเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมเพื่อดูแลสุขภาพจิตของคุณให้ดีขึ้น  ต้องการรับคำปรึกษาที่ถูกต้อง ให้ HAPPY ME CLINIC ช่วยดูแลคุณ โรควิตกกังวลจะไม่น่ากังวล หากได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่เข้าถึงง่าย อย่างที่ HAPPY ME CLINIC หรือคลินิกสุขภาพจิตใกล้คุณ เราพร้อมช่วยคุณดูแลสุขภาพจิตให้กลับมาสดใส จองคิวปรึกษาได้เลยวันนี้ เพราะสุขภาพจิตที่ดี เริ่มต้นจากการดูแลตัวเอง

อาการและสาเหตุของ PTSD คืออะไร ปัญหาสุขภาพจิตที่คุณควรระวัง

PTSD คืออะไร เช็กอาการที่ควรระวัง และแนวทางการรักษาด้วยจิตบำบัดที่สามารถช่วยบรรเทาภาวะนี้ได้ ข้อมูลสำคัญเพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพจิตได้อย่างเหมาะสม

โรคซึมเศร้า vs โรคแพนิค ความแตกต่างที่ต้องแยกให้ออก

โรคซึมเศร้า vs โรคแพนิค ความแตกต่างที่ต้องแยกให้ออก ความรู้สึกเศร้า หรือวิตกกังวล เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเผชิญในบางช่วงของชีวิต อย่างไรก็ตาม หากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและรบกวนชีวิตประจำวัน อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังเผชิญกับโรคซึมเศร้าหรือโรคแพนิค ซึ่งมีความแตกต่างกัน แต่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพใจได้เช่นกัน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าโรคซึมเศร้า และโรคแพนิคคืออะไร โรคซึมเศร้าคืออะไร โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นภาวะที่มีผลต่ออารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมของบุคคล ผู้ป่วยจะรู้สึกเศร้าหรือหมดความสนใจในสิ่งที่เคยชอบไป รวมถึงมีอาการอื่น ๆ เช่น ⦁ รู้สึกสิ้นหวัง หรือรู้สึกผิดในสิ่งที่ทำ รวมถึงสิ่งที่ไม่ได้ทำด้วย⦁ นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป⦁ เบื่ออาหารหรือน้ำหนักลดลง หรือบางรายอาจกินมากขึ้น⦁ ไม่มีเรี่ยวแรง อ่อนเพลีย หรือรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า⦁ มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตัวเอง หรืออยากจบชีวิต ซึ่งอาการของโรคซึมเศร้ามักเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันแบบเรื้อรังอย่างชัดเจน โรคแพนิคคืออะไร โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและอารมณ์ ทำให้เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน (Panic Attack) แต่ไม่มีสาเหตุที่เจาะจงชัดเจน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคนี้มักมีอาการดังต่อไปนี้ ⦁ หัวใจเต้นเร็วและแรง รู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย⦁ หายใจไม่อิ่ม หรือรู้สึกเหมือนขาดอากาศ⦁ เหงื่อออก ตัวสั่น หรือรู้สึกหนาวสลับร้อน⦁ วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม⦁ รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตาย หรือควบคุมตัวเองไม่ได้ อาการแพนิคมักเกิดขึ้นแบบกะทันหัน และอาจเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนทำให้ผู้ป่วยเกิดความกังวล และกลัวว่าจะกระทบกับชีวิตประจำวันไปด้วย ความแตกต่างของโรคซึมเศร้า และโรคแพนิคคืออะไร แม้ว่าโรคซึมเศร้าและโรคแพนิคจะเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความรู้สึก แต่ลักษณะของอาการและสาเหตุจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน โรคซึมเศร้า เป็นภาวะที่ค่อย ๆ พัฒนาและส่งผลกระทบระยะยาวต่ออารมณ์และพฤติกรรมของผู้ป่วย คนที่มีภาวะซึมเศร้ามักรู้สึกหดหู่ เศร้า หรือหมดกำลังใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นนานหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือน อาการของโรคยังรวมถึงความรู้สึกไร้ค่า เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หรือแม้แต่การคิดอยากจบชีวิต และความรู้สึกเหล่านี้จะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เป็นภาวะที่ค่อย ๆ สะสม และมักส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม โรคแพนิค เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับอาการตื่นตระหนกและหวาดกลัวอย่างฉับพลัน โรคแพนิคจะเกิดอาการโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด ซึ่งสังเกตตัวเองได้จากการที่หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ วิงเวียน หรือกลัวว่าตัวเองกำลังจะเสียชีวิต ในขณะที่กำลังเผชิญหน้าสถานการณ์บางอย่าง เช่น ที่มืด ที่แคบ ที่สูง ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง แต่มักจะบรรเทาลงในไม่กี่นาทีหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย หรืออาจมีบางรายที่ใช้เวลาเป็นชั่วโมง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยมักจะเกิดความเครียดสะสมตามมา เพราะกลัวว่าจะมีอาการเกิดขึ้นอีกได้ ในบางกรณีทั้ง 2 โรคก็มีโอกาสอาจเกิดขึ้นพร้อมกันได้ ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างของโรคจะช่วยให้สามารถสังเกตอาการ และดูแลสุขภาพจิตของตนเองได้ดียิ่งขึ้น การสังเกตเบื้องต้นว่าเข้าข่ายโรคซึมเศร้าหรือโรคแพนิค หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการที่อาจเข้าข่ายโรคซึมเศร้าหรือโรคแพนิค สามารถใช้วิธีสังเกตเบื้องต้นดังนี้ ⦁ หากรู้สึกเศร้า ท้อแท้ หมดกำลังใจ และอาการดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจเข้าข่ายโรคซึมเศร้า⦁ หากเกิดอาการตื่นตระหนกแบบไม่มีสาเหตุ ชีพจรเต้นเร็ว เหงื่อออก รู้สึกเหมือนจะเป็นลม และเกิดขึ้นซ้ำ ๆ อาจเป็นโรคแพนิค⦁ หากรู้สึกทั้ง 2 แบบ คือ มีอารมณ์ซึมเศร้าต่อเนื่องและมีอาการตื่นตระหนกเป็นช่วง ๆ ควรให้ความสนใจกับสุขภาพจิตของตนเองอย่างจริงจัง เพราะมีความเสี่ยงสูงว่าจะเป็นทั้ง 2 โรคร่วมกัน โรคซึมเศร้าและโรคแพนิคเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยมากขึ้น ผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจมีอาการของโรคเหล่านี้ ควรหมั่นสังเกตตัวเอง หาวิธีผ่อนคลาย และดูแลสุขภาพจิตให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพราะการเข้าใจโรคได้ถูกต้อง จะช่วยให้เราดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้ดียิ่งขึ้น HAPPY ME CLINIC เข้าใจดีว่าการใช้ชีวิตในปัจจุบันเต็มไปด้วยเรื่องยาก และมีหลายอย่างเข้ามาบั่นทอนจิตใจ หากมีอาการโรคซึมเศร้า หรือโรคแพนิคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ควรให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตอย่างจริงจัง สามารถเข้ามาปรึกษาและรับการบำบัดจากผู้เชี่ยวชาญของเรา ที่ใส่ใจทุกปัญหา ด้วยค่าบริการไม่แพง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน