รู้ทันปัญหาคิดมากวิตกกังวล อาการที่รบกวนจิตใจและชีวิตประจำวัน พร้อมวิธีจัดการที่ช่วยให้คุณกลับมามีความสุขอีกครั้ง
อาการคิดมากวิตกกังวลเป็นภาวะที่หลายคนเคยเผชิญ แต่สำหรับบางคน ความรู้สึกนี้อาจทวีความรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและสุขภาพจิตโดยรวม ซึ่งอาจกลายเป็น “โรควิตกกังวล” (Anxiety Disorder) โรคจิตเวชที่พบในคนไทยจำนวนไม่น้อย ในบทความนี้ เราจะสำรวจความหมาย อาการ และวิธีการดูแลรักษา พร้อมแนะนำบริการที่สามารถช่วยคุณได้

โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) คืออะไร?
โรควิตกกังวล หรือ Anxiety Disorder เป็นความผิดปกติทางจิตเวชที่ผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับความคิด ความเครียด และความวิตกกังวลที่ควบคุมได้ยากจนกระทบต่อการดำเนินชีวิต โรคนี้พบได้บ่อยพอ ๆ กับโรคซึมเศร้า และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในสังคมไทย
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรควิตกกังวลนั้นหลากหลาย อาจเป็นปัจจัยทางพันธุกรรม ประสบการณ์ในอดีต หรือความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ตัวกระตุ้นหรือ “Trigger” ในชีวิตประจำวัน เช่น ความกดดันในที่ทำงานหรือความสัมพันธ์ อาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อาการรุนแรงขึ้น
ประเภทของโรควิตกกังวล
โรควิตกกังวลสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน
- โรควิตกกังวลทั่วไป (Generalized Anxiety Disorder: GAD) ผู้ป่วยมักกังวลในเรื่องทั่วไปในชีวิต เช่น งาน ครอบครัว หรือการเงิน อาการอาจรุนแรงจนทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างปกติ
- โรคแพนิก (Panic Disorder) ลักษณะเด่นคืออาการ Panic Attack หรือการตื่นตระหนกอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นทันที ผู้ป่วยมักรู้สึกใจสั่น หายใจไม่ออก หรือเจ็บหน้าอก
- โรคกลัวเฉพาะเจาะจง (Specific Phobia) เป็นความกลัวในสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรุนแรง เช่น กลัวแมงมุม ความสูง หรือสถานที่แคบ
- โรคกลัวสังคม (Social Anxiety Disorder) ผู้ป่วยจะรู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น การพูดในที่สาธารณะหรือการเข้าสังคม
- โรคกลัวที่ชุมชน (Agoraphobia) ผู้ป่วยรู้สึกกลัวที่จะอยู่ในสถานที่ที่หาทางออกไม่ได้ เช่น สถานที่คนแน่น
- โรคกลัวการแยกจาก (Separation Anxiety Disorder) พบได้บ่อยในเด็ก แต่ก็สามารถเกิดกับผู้ใหญ่ได้ เป็นความกังวลเมื่อต้องแยกจากคนที่รัก
- ภาวะไม่พูดบางสถานการณ์ (Selective Mutism) มักเกิดในเด็ก โดยเลือกพูดในบางสถานการณ์ เช่น พูดเฉพาะที่บ้าน แต่ไม่พูดที่โรงเรียน
อาการของโรควิตกกังวล
อาการของโรคนี้สามารถแบ่งออกเป็นหลายมิติ ทั้งทางร่างกายและจิตใจ อาการที่พบบ่อย ได้แก่
- ความเครียดและวิตกกังวลอย่างต่อเนื่อง: ไม่สามารถปล่อยวางจากความกังวลได้
- อาการทางร่างกาย: เช่น ใจสั่น เหงื่อออก หรือปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อาการทางจิตใจ: ความคิดมาก คิดวนไปวนมาในเรื่องเดิมๆ
- นอนไม่หลับ: หลายคนที่มีโรควิตกกังวลจะมีปัญหาการนอน เช่น หลับยากหรือหลับไม่สนิท
สาเหตุของโรควิตกกังวล
โรควิตกกังวลเกิดจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกัน เช่น
- พันธุกรรม: หากครอบครัวมีประวัติโรควิตกกังวล โอกาสที่จะเกิดโรคนี้จะเพิ่มขึ้น
- ประสบการณ์ในอดีต: เช่น การเผชิญกับเหตุการณ์ที่กระทบจิตใจอย่างรุนแรง
- การทำงานของสมอง: การหลั่งสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ
- สิ่งแวดล้อม: เช่น ความกดดันในที่ทำงานหรือปัญหาครอบครัว
วิธีการรักษาโรควิตกกังวล
การรักษาโรควิตกกังวลสามารถทำได้หลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ:
1. การทำจิตบำบัด (Psychotherapy)
- CBT (Cognitive Behavioral Therapy): เป็นการบำบัดที่มุ่งเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมเพื่อจัดการกับความวิตกกังวล
- การพูดคุยกับนักจิตวิทยา: ช่วยผู้ป่วยระบายและค้นหาสาเหตุของปัญหาที่ทำให้คิดมากวิตกกังวล
2. การใช้ยา
- ยากลุ่ม Benzodiazepines: ใช้ลดอาการวิตกกังวลในระยะสั้น
- ยาต้านซึมเศร้า (SSRIs): ช่วยปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง
3. การฝึกผ่อนคลาย
- การฝึกหายใจลึกๆ หรือโยคะ
- การทำสมาธิเพื่อสงบจิตใจ
ทำไมต้องรักษาโรควิตกกังวล?
หากปล่อยอาการคิดมากวิตกกังวลไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้น เช่น โรคซึมเศร้า ปัญหาความสัมพันธ์ หรือแม้แต่ปัญหาสุขภาพกาย เช่น ความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ การได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี
ปลดล็อกอาการคิดมากวิตกกังวลกับ HAPPY ME CLINIC
หากคุณหรือคนใกล้ตัวกำลังเผชิญกับอาการ คิดมากวิตกกังวล หรือ โรควิตกกังวล (Anxiety) อย่าปล่อยให้ปัญหานี้เป็นอุปสรรคในชีวิตประจำวัน คลินิก สุขภาพจิต HAPPY ME CLINIC พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลคุณด้วยทีมนักจิตวิทยา นักสุขภาพจิตและบริการจิตบำบัดที่ครบวงจร
ไม่ว่าคุณจะต้องการทำ Talk Therapy เพื่อระบายความในใจ หรือบำบัดด้วยวิธีที่เหมาะสมกับอาการของคุณ คลินิก สุขภาพจิต HAPPY ME CLINIC พร้อมอยู่เคียงข้างคุณในทุกขั้นตอนของการดูแลสุขภาพจิต
ให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยคุณสร้างชีวิตที่สดใสและมีความสุขอีกครั้ง