Happy Me Clinic

โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นภาวะความผิดปกติทางจิตที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งจิตใจและร่างกาย อาการหลักของโรคนี้คือ “Panic Attack” หรืออาการตื่นตระหนกเฉียบพลัน ซึ่งเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน ผู้ป่วยมักรู้สึกวิตกกังวลหรือกลัวอย่างรุนแรง โดยอาการที่พบบ่อยได้แก่

⦁ ใจสั่นหรือหัวใจเต้นเร็ว
⦁ หายใจไม่สะดวกหรือรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
⦁ อาการเวียนหัวหรือคล้ายจะหมดสติ
⦁ อาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
⦁ รู้สึกหนาวสั่น เหงื่อออก หรือร้อนวูบวาบ
⦁ มีความรู้สึกแปลก ๆ เช่น แยกตัวออกจากความเป็นจริง หรือความรู้สึกหลุดลอยจากตัวเอง

อาการดังกล่าวมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และอาจจะเกิดอาการเพียงไม่กี่นาที จนถึงเป็นหลักชั่วโมง ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลว่าจะเกิดอาการซ้ำ ซึ่งอาจนำไปสู่การหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เคยกระตุ้นอาการได้

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพนิค

โรคแพนิคอาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งจากร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม โดยมักมีสาเหตุสำคัญคือ

⦁ ความผิดปกติของระบบประสาทและเคมีในสมอง
การทำงานที่ผิดปกติของสารเคมีในสมอง เช่น เซโรโทนิน (Serotonin) กาบา (GABA) และนอร์อิพิเนฟริน (Norepinephrine) อาจส่งผลให้เกิดอาการวิตกกังวลและแพนิคได้

⦁ พันธุกรรม
การมีสมาชิกในครอบครัวที่ป่วยเป็นโรคแพนิคหรือโรควิตกกังวลอื่น ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคกับทายาทรุ่นถัดไป

⦁ เหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ
เหตุการณ์ที่สร้างความเครียดหรือความกลัวอย่างรุนแรง เช่น การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก อุบัติเหตุ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิคได้

⦁ ความเครียดสะสมในชีวิตประจำวัน
ปัญหาจากงาน ความสัมพันธ์ หรือปัญหาการเงินที่สะสมมาเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและกระตุ้นให้เกิดอาการแพนิค

⦁ ปัจจัยด้านสุขภาพร่างกาย
ปัญหาสุขภาพอย่างโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ หรือความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอาการแพนิคในบางกรณี

อันตรายหากปล่อยอาการแพนิคไว้โดยไม่รักษา

การปล่อยให้อาการแพนิคดำเนินไปโดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำมาซึ่งผลกระทบที่ร้ายแรงต่อชีวิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้นหากรู้ตัวว่ามีอาการควรรีบปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยา ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกสุขภาพจิต ซึ่งอันตรายของแพนิคที่ควรตระหนักก็คือ

⦁ คุณภาพชีวิตที่ลดลง ผู้ป่วยมักหลีกเลี่ยงสถานการณ์ หรือสถานที่ที่เคยเกิดอาการแพนิค ซึ่งอาจทำให้ขาดโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เช่น การเดินทาง ท่องเที่ยว หรือการทำงาน

⦁ ภาวะวิตกกังวลหรือซึมเศร้า หากปล่อยอาการไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะวิตกกังวลเรื้อรัง หรือรุนแรงจนเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งทำให้การรักษาซับซ้อนยิ่งขึ้น อาจจะไม่ใช่แค่การใช้วิธีจิตบำบัดก็ได้

⦁ ผลกระทบต่อสุขภาพกาย ความเครียดที่สะสมจากการเกิดอาการแพนิคบ่อยครั้ง อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของหัวใจ

⦁ ความเสี่ยงในการพึ่งพายาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยบางรายอาจหันไปพึ่งพาแอลกอฮอล์หรือสารเสพติดเพื่อบรรเทาอาการ ซึ่งอาจนำไปสู่การติดยา และเกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงกว่าเดิม

นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัด สามารถช่วยแก้ไขอาการแพนิคได้อย่างไร

นักจิตวิทยาและนักจิตบำบัดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้ป่วยฟื้นฟูสุขภาพจิต โดยใช้เทคนิคและวิธีการบำบัดที่หลากหลาย เช่น

⦁ การบำบัดพฤติกรรมและความคิด (Cognitive Behavioral Therapy : CBT)
CBT เป็นวิธีการบำบัดที่เน้นการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของอาการแพนิค ผู้ป่วยจะได้รับการฝึกฝนให้ระบุความคิดที่เป็นลบหรือไม่สมเหตุสมผลได้ พร้อมวิธีเรียนรู้ในการเปลี่ยนแปลงความคิดเหล่านั้นเพื่อสร้างความสงบในจิตใจ

⦁ การฝึกการหายใจและการผ่อนคลาย
นักจิตบำบัดจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีการควบคุมการหายใจ และฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การหายใจลึก ๆ และช้า ๆ การฝึกสมาธิ หรือการบริหารร่างกายด้วยโยคะ เพื่อช่วยลดอาการตื่นตระหนก

⦁ การบำบัดด้วยการเผชิญหน้า (Exposure Therapy)
เป็นการบำบัดด้วยการเผชิญหน้ากับสถานการณ์หรือความคิดที่ทำให้เกิดความกลัว ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีการควบคุมโดยนักจิตวิทยา ซึ่งวิธีนี้จะสามารถช่วยลดความกลัวและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ป่วยได้

⦁ การสนับสนุนทางอารมณ์ การพึ่งพาได้ และการสร้างแรงจูงใจ
นักจิตบำบัดมักทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง ทำให้สามารถช่วยสร้างความมั่นใจ และเพิ่มกำลังใจในการเผชิญปัญหาของผู้ป่วยได้

⦁ การวางแผนดูแลสุขภาพจิตในระยะยาว
นักจิตบำบัดจะช่วยผู้ป่วยออกแบบแผนการรักษา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองได้ เช่น การสร้างกิจวัตรที่สมดุล การจัดการความกังวล และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

โรคแพนิคอาจดูน่ากลัวและส่งผลกระทบต่อชีวิตอย่างมาก แต่ด้วยความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัด การฟื้นฟูสุขภาพจิตให้กลับมามีชีวิตที่สมดุลจึงไม่ใช่เรื่องยาก และการเข้ารับการบำบัดถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ที่จะช่วยให้คุณหรือคนที่คุณรักสามารถเอาชนะความกลัวและสร้างชีวิตที่มีคุณภาพได้ หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือ สามารถเข้าพบผู้เชี่ยวชาญได้ทันที ไม่ว่าจะที่คลินิกสุขภาพจิต หรือนักจิตบำบัดที่มีประสบการณ์ก็ตาม อย่าลังเลที่จะเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้น เพราะทุกปัญหามีทางออก และคุณมีสิทธิที่จะมีความสุขอีกครั้งในชีวิต

โรคซึมเศร้า vs โรคแพนิค ความแตกต่างที่ต้องแยกให้ออก

โรคซึมเศร้า vs โรคแพนิคคืออะไร ทำความเข้าใจความแตกต่าง อาการ และวิธีสังเกตเบื้องต้น เพื่อดูแลสุขภาพจิตของคุณให้ดีขึ้นได้

Read More

เครียดแค่ไหนก็เอาอยู่ 5 วิธีจัดการความเครียดด้วยตัวเองที่นักจิตวิทยาแนะนำ

วิธีจัดการความเครียดด้วยตัวเองที่นักจิตวิทยาแนะนำ พร้อมเคล็ดลับง่าย ๆ เช่น การหายใจอย่างมีสติ การเคลื่อนไหวร่างกาย และการพูดคุยสร้างกำลังใจ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีขึ้น

Read More

จิตบำบัด CBT (Cognitive Behavioral Therapy) คืออะไร? ช่วยอะไรได้บ้าง?

ทำความรู้จักกับจิตบำบัด CBT (Cognitive Behavioral Therapy) การรักษาโดยนักจิตบำบัดหรือนักจิตวิทยาที่ช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตได้โดยไม่ต้องใช้ยา

Read More